กว่าจะมาเป็น ฐาธิตา สตูดิโอ แอนด์ เวดดิ้งแพลนเนอร์ ...

จากธุรกิจ Catering ของครอบครัว สู่การเป็นเจ้าของธุรกิจ Wedding Organizer ของคุณรัชต์จิตา หรือที่น้องๆหลายคนเรียกว่า "พี่อูล" โดยจุดเริ่มต้นของการทำธุรกิจ พี่อูลเล่าให้เราฟังว่า

"ฐาธิตา มีจุดเริ่มต้นมาจากธุรกิจครอบครัวของพี่ ที่ทำแคทเทอริ่งมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2518 แล้วมีวันหนึ่ง ด้วยความที่เราเข้าไปทำงานที่ สยามสมาคมฯ บ่อยๆ (สยามสมาคมในพระบรมราชูปถัมภ์ ตั้งอยู่ใจกลางเมือง ใกล้แยกอโศก ซอย สุขุมวิท 21) แล้วมักมีลูกค้าเข้ามาถามว่า อันนั้นซื้อที่ไหน อันนี้ซื้อที่ไหน ช่วยหาการ์ด ของชำร่วยให้ได้มั้ย ดอกไม้มีไหม ซึ่งพี่ก็มักสนุกกับการหาของให้ลูกค้าอยู่เสมอๆ จนมาวันนึงมีพี่ที่รู้จัก ด้วยความที่เค้าเอ็นดูเรา เค้าก็เลยแนะนำพี่ว่า ทำไมพี่ไม่ไปเป็น Organizer ไปเลยล่ะ ซึ่งตอนนั้นพี่ก็ไม่รู้หรอกนะ ว่า Organizer คืออะไร (หัวเราะ)"

"จากวันนั้น พี่ก็เลยเริ่มศึกษาเรื่องการเป็น Organizer อย่างจริงจัง เริ่มเรียนรู้ขั้นตอน พิธีการต่างๆ สร้างแบรนด์ใหม่ของตัวเอง ภายใต้ชื่อ "ฐาธิตา" ซึ่งเป็นชื่อที่แม่พี่ขอให้พระที่รู้จักตั้งให้เพื่อความเป็นศิริมงคล เริ่มสร้างทีมงาน สร้างอุปกรณ์ และเริ่มรับจัดงานแต่งงานมากขึ้นเรื่อยๆ"  

จุดแข็งของฐาธิตา

"จุดแข็งของแบรนด์เรา คือการรวบรวมสิ่งสำคัญ หรือหัวใจหลัก ของการจัดงานแต่งงานมาไว้ที่เราทั้งหมด ซึ่งก็คือ

1. อาหาร เรามีอาหารที่เราสามารถทำเองได้ ไม่ว่าลูกค้าจะชอบแนวไหน หรืออยากได้แบบใด เราสามารถจัดให้ลูกค้าได้หมด เพราะเรามีทีมงานของเราเอง เรามีความรู้ ความเชี่ยวชาญจากประสบการณ์ที่เราสั่งสมมาจากธุรกิจของครอบครัว เพราะฉะนั้นสิ่งนี้เลยถือเป็นจุดแข็งที่ถ้าลูกค้ามาหาเราลูกค้าไม่ต้องกังวลเลย

2. สถานที่ สำหรับลูกค้าที่ยังไม่รู้ว่าจะจัดงานที่ไหนดี เรามีสถานที่ที่อยู่ภายใต้แบรนด์ของเราให้ลูกค้าได้เลือกจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็นบ้านเรือนไทย บ้านติดทะเล ปราสาท หรือโรงแรม ลูกค้าสามารถเลือกสถานที่ให้ตรงกับความต้องการและงบประมาณของลูกค้าได้

3. One Stop Service เรามีการบริการที่หลากหลายให้ลูกค้าเลือก ลูกค้าสามารถให้เราดูแลตั้งแต่ เรื่องการ์ด ของชำร่วย ตกแต่งสถานที่ พิธีการ อาหาร ทีมงานรันคิว แสง สี เสียง ช่างภาพ ช่างแต่งหน้าทำผม ชุดแต่งงาน เรามีให้ลูกค้าได้เลือกหลากหลาย ซึ่งลูกค้าสามารถขอข้อมูลเพิ่มเติมกับทางทีมงานของเราได้เลย

 สิ่งสำคัญ ที่พี่มักบอกทีมงานอยู่เสมอๆ คือ มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ที่เราจะได้มีโอกาสเข้าไปอยู่ในภาพความทรงจำที่สำคัญของคนๆนึง แต่วันนี้ลูกค้าเลือกเราและอนุญาตให้เราเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของความทรงจำของเค้า ดังนั้น เราจึงจะต้องทำงานด้วยความตั้งใจ เต็มที่ และทำออกมาให้ดีที่สุด เหมือนว่าเรากำลังทำงานให้คนที่เรารัก ให้คนในครอบครัวของเรา"

"เพราะความสุขของลูกค้า คือความสุขของเรา"